วันอังคารที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2560

ผู้จัดทำ



นางสาว  เมธาวี  ไวยครุธฑา
ปวช.3/5 เลขที่ 10
วิทยาลัยเทคโนโลยีไทยอโยธยาบริหารธุรกิจ

ความคิดเห็นที่มีต่อวิทยาลัย

มีความรู้สึกซาบซึ้งและภูมิใจที่ได้มาค้นคว้าหาเรื่องราวเกี่ยวกับสถานศึกษาที่เราได้ร่ำเรียนมา วิทยาลัยเทคโนโลยีไทยอโยธยาบริหารธุรกิจแห่งนี้มอบความรู้ให้เราหลายๆอย่างด้วยกัน อาทิ เช่น
       ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
       ความสามารถในการเข้าสังคม
       ความกล้าแสดงออก
       เพื่อนฝูง

วัตถุประสงค์

    การจัดการศึกษาที่มีทุนทรัพย์น้อยและธนาคารทวงถามตลอดเวลา โอกาสที่จะจัดการ ศึกษาได้เป็นผลเลิศนั้นไม่ง่ายเสียแล้ว การศึกษาเป็นงานละเอียดอ่อนทุกอย่างเป็นกฎระเบียบ   สำหรับดิฉันไม่มีประสบการณ์ แต่มีความตั้งมั่นในจุดหมาย เป้าหมาย ทำอย่างไรจึงจะจัดการศึกษาให้เป็นผลสำเร็จ อาจจะเป็นการท้าทายความสามารถหรือจะต้องมีความอดทนของผู้ดำเนินกิจการ   ความอดทนจึงเป็นพลังให้เกิดเป็นกระทำเรื่อยมา ฝังจิตฝังใจ ตั้งมั่น ทำการศึกษาให้ได้ดี   วิชาการให้เป็นเลิศ วัฒนธรรมไทยต้องอยู่คู่กับวิทยาลัย เป็นที่หล่อหลอมเยาวชนให้เป็นคนมีสัมมาธิฐิ ให้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ปลูกฝังให้รักความเป็นไทย รักวัฒนธรรมไทย   ประหยัดซื้อ ประหยัดใช้ ประหยัดเงินตรา ซื้อสินค้าไทย อบรมให้นักเรียนรักวิชาที่ได้ร่ำเรียน เพื่อนำไปปฏิบัติ มีความมุ่งมั่น ขยันแข็งแรง ในการทำงานส่วนรวมให้มีความรับผิดชอบ มีความรู้สร้างสรรค์มีน้ำใจก้าวไปเพื่อสังคม มุ่งเน้นการบริการ ยึดมั่นมีคุณธรรมให้เกิดประโยชน์สูงสุด 
      การทำการศึกษาดิฉัน ยึดมั่นในคุณธรรม มีความเมตตา มีความอดทน เอื้อเฟื้อเป็นแนวทางปฏิบัติตลอดมา ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจและยึดถือปฏิบัติตลอดไป การที่เราได้จัดการศึกษามาถึงปัจจุบันดิฉันได้อบรมบุตรให้มีคุณธรรม มีเมตตา เอื้อเฟื้อจะเป็นตราประทับชีวิตของผู้ถือปฏิบัติอันดีงามไปตลอด

ที่มาของข้อมูล

http://www.tab.ac.th

หน่วยงานที่รับผิดชอบ

สำนักงานมาตรฐานการศึกษา

ระยะเวลาดำเนินการ

 พ.ศ. 2496 เริ่มงานรับเหมาก่อสร้างโดยร่วมกับเพื่อนตั้ง บริษัท ส่งเสริมสถาปัตย์ ที่บริเวณประตูน้ำ กิจการเจริญขึ้น โดยลำดับ ดร.สุข สะสมประสบการณ์จากการทำงานด้วยตนเองศึกษาด้วยตนเองทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตท่านถือเป็นบทเรียนไม่เคยท้อถอยคติของท่านที่ผู้ใกล้ชิดได้ยินได้ฟัง
ท่านพูดเสมอว่า" การศึกษาคือชีวิต และชีวิตคือการกระทำ " 
   พ.ศ.2510 รัฐบาลเปิดโอกาสให้เอกชนจัดการศึกษาระดับอาชีวศึกษา ดร.สุข พุคยาภรณ์ ได้เริ่มสร้างสถาบันการศึกษา ระดับอาชีวศึกษาซึ่งในปัจจุบันได้ขยายไปหลายแห่ง ประกอบไปด้วย โรงเรียนไทยบริหารธุรกิจและพณิชยการ โรงเรียนไทยบูรพาบริหารธุรกิจ โรงเรียนไทยอโยธยาบริหารธุรกิจ โรงเรียนสตรีพณิชยการ โรงเรียนเทคโนโลยีไทยสุริยะ โรงเรียนรุ่งโรจน์ศึกษา
   ต่อมา พ.ศ. 2513 เป็นปีที่รัฐบาลมีนโยบายให้เอกชนเข้าร่วมแบ่งเบาภาระการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาดร.สุข พุคยาภรณ์ได้เริ่มก่อตั้งวิทยาลัยศรีปทุมโดยได้รับ
พระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรง พระราชทาน นามวิทยาลัยและ เสด็จพระราชดำเนินเปิดอาคารเรียนหลังแรกเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ 2515 
   ดร.สุข พุคยาภรณ์ ได้พยายามเอาใจใส่ต่อการดำเนินกิจการของวิทยาลัยแห่งนี้ด้วยการหาผู้ทรงคุณวุฒิและประสบการณ์ มาบริหารและ เป็นอาจารย์สอนและมุ่งมั่นต่อการพัฒนามิได้ย่อท้อ จนทบวงมหาวิทยาลัยได้เปลี่ยนประเภทจาก วิทยาลัย มาเป็น มหาวิทยาลัย เมื่อ พ.ศ. 2530ก่อให้เกิดความภูมิใจ
แก่ท่านมาก ต่อมาท่านเห็นว่ามีเยาวชนที่อยู่ห่างไกลต้องการศึกษา จึงขออนุญาต เปิดวิทยาเขตชลบุรีขึ้นในปี พ.ศ. 2530 อีกแห่งหนึ่ง

รายละเอียดของวิทยาลัย

                  วิทยาลัยเทคโนโลยีไทยอโยธยาบริหารธุรกิจเป็นวิทยาลัยหนึ่งของกลุ่มวิทยาลัยใน เครือ ไทย-เทค ซึ่งมีวิทยาลัยในเครือรวม 10 วิทยาลัย ตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานคร ปริมณฑลและต่างจังหวัด เปิดสอนตั้งแต่ระดับอนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษาและอาชีวศึกษา ปัจจุบันวิทยาลัยเทคโนโลยีไทยบริหารธุรกิจมีนักเรียน นักศึกษาทั้งระดับ ปวช.และปวส. จำนวนมากกว่า 3,000 คน เป็นวิทยาลัยอาชีวศึกษาเอกชนขนาดใหญ่พิเศษที่มีวิสัยทัศน์คือ “เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ เพื่อพัฒนามาตาฐานวิชาชีพและความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์
ของผู้เรียน ให้สามารถตอบสนองความต้องการของสังคมโดยรวม” ผู้บริหารและบุคลากรทุกคนได้ร่วมมือพัฒนาโรงเรียนในทุก ๆ ด้านจนทำให้บังเกิดผลเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนในด้านคุณภาพของผู้เรียน คุณภาพของการให้บริการที่จัดให้แก่ผู้เรียน และคุณภาพของการจัดการเรียนการสอน ซึ่งนับว่าเป็นผลงานที่ทุกคนภาคภูมิใจ
ในการบริหารงาน ดร.ชาติชาย พุคยาภรณ์ ได้สรรหาผู้ที่มาบริหารวิทยาลัยที่มากด้วยประสบการณ์และคุณภาพ ทั้งจากวิทยาลัยในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและสถาบันการศึกษาอื่นๆ ทำให้จำนวนนักเรียน นักศึกษาเพิ่มขึ้นทุกปี ตลอดจนได้จัดหาครู-อาจารย์ที่มีประสบการณ์และมีวุฒิการศึกษาตรงกับวิชาที่ เปิดสอนให้ได้มากที่สุด

ที่ตั้งของวิทยาลัย

เลขที่ 91/1 ถนนโรจนะ ต.ธนู อ.อุทัย จังหวัด พระนครศรีอยุธยา 13000

ความเป็นมาของวิทยาลัย



 ดร.สุข พุคยากรณ์ เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 12 มกราคม 2459 ที่บ้านริมน้ำ ตำบลคลองสิบ อำเภอหนองจอกจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นบุตรคนที่ 5ของ นายพุกและนางหรั่ง พุคยาภรณ์ เมื่อเยาว์วัย ศึกษาเบื้องต้นที่วัดแสนเกษมจบ ป.4 เมื่อ พ.ศ.2470 แล้วบวชเป็นสามเณรอยู่ 30 วัน หลังจากลาสิกขาแล้วกลับไปช่วยบิดา มารดาทำการค้า พ.ศ. 2475 แยกตัวออกไปทำการค้าด้วยตนเองเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่เริ่มจากพายเรือขายของ ซื้อ-ขายของชำซื้อ-ขายข้าวเปลือก จนกระทั่ง ซื้อโรงสีดำเนินกิจการเองใน พ.ศ. 2490 
ใช้เวลาตั้งตัวในระยะต้นนี้ ตั้งแต่ พ.ศ. 2475 - 2490 รวม 15 ปีเศษ 
   พ.ศ. 2496 เริ่มงานรับเหมาก่อสร้างโดยร่วมกับเพื่อนตั้ง บริษัท ส่งเสริมสถาปัตย์ ที่บริเวณประตูน้ำ กิจการเจริญขึ้น โดยลำดับ ดร.สุข สะสมประสบการณ์จากการทำงานด้วยตนเองศึกษาด้วยตนเองทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตท่านถือเป็นบทเรียนไม่เคยท้อถอยคติของท่านที่ผู้ใกล้ชิดได้ยินได้ฟัง
ท่านพูดเสมอว่า" การศึกษาคือชีวิต และชีวิตคือการกระทำ " 
   พ.ศ.2510 รัฐบาลเปิดโอกาสให้เอกชนจัดการศึกษาระดับอาชีวศึกษา ดร.สุข พุคยาภรณ์ ได้เริ่มสร้างสถาบันการศึกษา ระดับอาชีวศึกษาซึ่งในปัจจุบันได้ขยายไปหลายแห่ง ประกอบไปด้วย โรงเรียนไทยบริหารธุรกิจและพณิชยการ โรงเรียนไทยบูรพาบริหารธุรกิจ โรงเรียนไทยอโยธยาบริหารธุรกิจ โรงเรียนสตรีพณิชยการ โรงเรียนเทคโนโลยีไทยสุริยะ โรงเรียนรุ่งโรจน์ศึกษา
   ต่อมา พ.ศ. 2513 เป็นปีที่รัฐบาลมีนโยบายให้เอกชนเข้าร่วมแบ่งเบาภาระการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาดร.สุข พุคยาภรณ์ได้เริ่มก่อตั้งวิทยาลัยศรีปทุมโดยได้รับ
พระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรง พระราชทาน นามวิทยาลัยและ เสด็จพระราชดำเนินเปิดอาคารเรียนหลังแรกเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ 2515 
   ดร.สุข พุคยาภรณ์ ได้พยายามเอาใจใส่ต่อการดำเนินกิจการของวิทยาลัยแห่งนี้ด้วยการหาผู้ทรงคุณวุฒิและประสบการณ์ มาบริหารและ เป็นอาจารย์สอนและมุ่งมั่นต่อการพัฒนามิได้ย่อท้อ จนทบวงมหาวิทยาลัยได้เปลี่ยนประเภทจาก วิทยาลัย มาเป็น มหาวิทยาลัย เมื่อ พ.ศ. 2530ก่อให้เกิดความภูมิใจ
แก่ท่านมาก ต่อมาท่านเห็นว่ามีเยาวชนที่อยู่ห่างไกลต้องการศึกษา จึงขออนุญาต เปิดวิทยาเขตชลบุรขึ้นในปี พ.ศ. 2530 อีกแห่งหนึ่ง